ยินดีต้อนรับทุกท่านค่ะ

สวัสดีค่ะ ขอแสดงความยินดี กันเพื่อนๆ น้องๆ หลานๆทุกคน ที่ส่งงานผ่านกันไปด้วยดีค่ะ ส่วนผู้ที่ยังส่งไม่ผ่าน ก็สู้ๆกันต่อไป...สบายดีกันทุกคนนะคะ

4/30/2552

บันทึกความทรงจำกุ๊กกิ๊ก..กับป้ามิ๊กหลังห้อง...

ความทรงจำกุ๊กกิ๊ก..กับป้ามิ๊กหลังห้อง...
หากไปกระทบใคร ต้องขออภัยด้วยนะคะ...ขำๆน่า!..




















































เหอๆ...เหนื่อย!...พักก่อนน๊า

แล้วค่อยมาโพสถึงทุกคนค่ะ

คิดถึงทุกคนเลย..จุ๊บ!...อิอิ

"May Day"

.
วันที่ 1 พฤษภาคม หรือ "May Day" เป็นวันแรงงาน
แต่ก็มีบางประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกาและแคนาดา ถือวันอื่นเป็นวันแรงงาน
แต่โบราณในยุโรปถือว่า วันเมย์เดย์
เป็นวันเริ่มต้นเข้าสู่ฤดูใหม่ในทางเกษตรกรรม
จึงมีพิธีเฉลิมฉลองรื่นเริงในพิธีการนำเอาต้นไม้มาตกแต่งประดับให้สวยงาม
และสมมติคนหรือตุ๊กตาให้เป็นเทพเจ้าแห่งเกษตรขึ้น
เพื่อทำการบวงสรวงบนบานขอให้ปลูกพืชได้ผลดี
ประชาชนอยู่เย็นเป็นสุข
ทางภาคเหนือของยุโรปมีการจัดงานรอบกองไฟในวันนี้ด้วย
ประเพณีนี้ยังสืบทอดปฏิบัติต่อมาในชนบทของเกาะอังกฤษจนกระทั่งทุกวันนี้

.
วัตถุประสงค์ของวันแรงงานที่นานาประเทศกำหนดขึ้น
ก็เพื่อเป็นวันเตือนใจให้ประชาชนตระหนักถึง
ผู้ใช้แรงงานที่ได้ทำประโยชน์แก่เศรษฐกิจของประเทศ
ความสะดวกสะบายในการดำเนินชีวิตของประชาชนทุกวันนี้
ผู้ใช้แรงงานมีส่วนสร้างขึ้นทั้งสิ้น
จึงได้ควรมีการระลึกถึงและตระหนักในความสำคัญของแรงงานพอสมควร
วันแรงงานถือเป็นเรื่องของแรงงานโดยเฉพาะ
การฉลองวันแรงงานทั่วๆ ไปจะไม่นิยมแสดงออกทางการเมือง


.
สำหรับในประเทศไทย เมื่อระหว่าง พ.ศ.2496-2499
มีการตื่นตัวในเรื่องการก่อตั้งองค์การลูกจ้าง ขณะนั้นกฏหมายแรงงานยังไม่มี
จึงตั้งขึ้นในนามของสมาคมกรรมกรไทย
และสมาคมเสรีแรงงานแห่งประเทศไทย
กรรมการและผู้แทนของสมาคมเหล่านี้
มีโอกาสประชุมกิจกรรมด้านแรงงานในต่างประเทศ
และได้ความรู้ว่าหลายประเทศถือเอาวันที่ 1 พฤษภาคมเป็น "วันแรงงาน"
ต่อมาในวันที่ 20 เมษายน 2499
คณะกรรมการจัดงานที่ระลึกวันแรงงานได้จัดให้มีการประชุมขึ้น
ที่ประชุมมีความเห็นว่า...
ควรกำหนดควรกำหนดให้วันที่ 1 พฤษภาคม
เป็นวันที่ระลึกแรงงานในประเทศไทย
จึงได้มีหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีขอให้ทางราชการรับรอง
วันที่ 1 พฤษภาคม เป็นวันที่ระลึกของแรงงาน
ดังนั้น ในวันที่ 30 เมษายน 2499 ได้มีประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี
ให้ถือเอาวันที่ 1 พฤษภาคม เป็นวันกรรมกรแห่งชาติ
ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นวันแรงงานแห่งชาติ ต่อมาใน พ.ศ.2500
ได้มีพระราชบัญญัติแรงงาน พ.ศ.2499
บัญญัติให้ลูกจ้างมีสิทธิหยุดงานประจำปีในวันกรรมกรแห่งชาติ คือวันที่ 1 พฤษภาคม


4/25/2552

จิตรกรรมสีน้ำมัน


จิตรกรรมสีน้ำมัน Oil painting
.
.

จิตรกรรมสีน้ำมัน หรือ ภาพเขียนสีน้ำมัน (ภาษาอังกฤษ: Oil painting)
คือการเขียนภาพโดยใช้สีฝุ่นที่ผสมกับน้ำมันแห้ง (drying oil)
โดยเฉพาะในตอนต้นของยุโรปสมัยใหม่กับน้ำมันลินซีด (linseed oil)
ตามปกติแล้วก็จะต้มน้ำมันเช่นลินซีดกับยางสน
หรือยางสนหอม (frankincense)
ส่วนผสมนี้เรียกว่า “น้ำมันเคลือบ” (varnish)
ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้ภาพเขียนมีความหนาและเป็นเงา
.
.
.
น้ำมันอื่นที่ใช้ก็มี น้ำมันเม็ดฝิ่นน้ำมันวอลนัท และน้ำมันดอกคำฝอย
น้ำมันแต่ละอย่างก็มีคุณภาพต่างๆ กัน
เช่นอาจจะทำให้สืเหลืองน้อยลง
หรือใช้เวลาแห้งไม่เท่ากัน
บางครั้งก็จะเห็นความแตกต่างจากเงาของภาพเขียน
แล้วแต่ชนิดของน้ำมัน
.
.
.
จิตรกรจะใช้น้ำมันหลายชนิดในภาพเขียนเดียวกัน
เพื่อให้ได้ลักษณะของภาพเขียนออกมาตามที่ต้องการ
การแสดงออกของสีก็จะต่างกันตามแต่วัสดุที่ใช้เขียน
จิตรกรรมสีน้ำมัน เป็นกรรมวิธีสร้างสรรค์ศิลปะ
ที่เรารับมาจากสังคมตะวันตก
เป็นการถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิด
โดยใช้วัสดุ อุปกรณ์ รูปแบบ เนื้อหา และเทคนิควิธีต่างๆ
เข้ามาพร้อมๆกัน
.
.
.
แม้เอกลักษณ์ในความเป็นชาติไทยจะยังคงมีอยู่
แต่เราคงจะปฏิเสธการแพร่เข้ามานั้นไม่ได้
เพราะทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นตามกระแสความนิยมของมนุษย์
แต่ปัญหาที่ตามมาก็คือ เมื่อเรารับรู้เพียงบางส่วน
หรือรับสิ่งใดสิ่งหนึ่งในลักษณะตัดยอดชำ
โดยมิได้ศึกษาอย่างถ่องแท้ในเรื่องของความเป็นมา
ความเชื่อมโยงหรือหลักการต่างๆ
รวมถึงปรากฏการณ์ต่างๆที่สะท้อนให้เห็นความกังวลข้างต้นนั้น
จึงส่งผลให้มีความพยายามที่จะพลักดันให้การปฎิบัติ
สัมพันธ์กับความรู้ ความคิด
มิใช่เพียงด้านใดด้านหนึ่งเท่านั้น
.
.
.
และได้แต่หวังว่า ความรู้ ความคิด และหลักการต่างๆ
จะช่วยพัฒนาให้กรรมวิธีสร้างสรรค์ศิลปะ
ที่เรารับมาจากสังคมตะวันตกให้เป็นไปอย่างมีทิศทาง
และเราก็คงปฏิเสธความจริงไม่ได้ว่า
การนำศิลปะตะวันตกเข้ามา จำเป็นจะต้องศึกษาให้ชัดเจน
เพื่อความเป็นสากลหรือเพื่อการก้าวล้ำหน้าตะวันตกก็เป็นอีกประเด็นหนึ่ง
.
.

ความเป็นศิลปะตะวันตกและกรรมวิธีในการสร้างสรรค์งานศิลปะ
ได้หล่อหลอมมานับด้วยพันๆปี
แม้กรรมวิธีการเขียนภาพสีน้ำมัน
ก็มีวิวัฒนาการมาแล้วไม่น้อยกว่า 500 – 600 ปีมาแล้ว
แม้แต่ในเรื่องการสร้างสรรค์งานจิตรกรรม
ภาพเขียนของชาวโรมันจากซากปรักหักพัง
ที่ภูเขาไฟวิสเวียสถล่มทลายเมืองปอมเปอี เมืองเฮอร์คิวเลเนียม
และไถ่บาปด้วยการทะนุถนอมผลงานภาพเขียนเหล่านั้นไว้
.
.
.
ภาพเขียนของชาวโรมันได้บ่งบอกเส้นทางการเดินทาง
ของจิตรกรรมตะวันตกไว้พอสมควร
และนั่นก็เป็นปรากฎการณ์ที่นับได้ประมาณ 2000 ปีมาแล้ว
ในช่วงสมัยกลางของยุโรป ประมาณคริสต์ศตวรรษที่ 4-13
การสร้างสรรค์จิตรกรรมของชาวยุโรปชะงักงันลง
ภาพเขียนคนในช่วงเวลานั้นเป็นไปอย่างแข็งกระด้าง
ผลงานออกแบบขาดสัดส่วนที่งดงาม
มิได้มีลักษณะเลียนแบบธรรมชาติ
โดยมีศาสนาเป็นตัวครอบงำทั้งรูปแบบเนื้อหา
.
.
.
ถ้ามองย้อนไปสู่ประวัติศาสตร์ยุโรป
ในช่วงเวลานั้นราวคริสต์ศตวรรษที่ 6 – 8
ผู้คนได้อพยพย้ายถิ่นฐานจากเมืองไปสู่ชนบท
เพื่อหลีกหนีอนารยชน แม้ราชวงศ์ก็มิได้ยกเว้น
ด้วยประวัติศาสตร์และความสับสนเหล่านี้
ก็คงพอเป็นที่คาดเดาได้ว่า สังคมในช่วงเวลานั้น
กำลังขาดแคลนช่างฝีมือหรือจิตรกรตามไปด้วย
.
.

ถึงคริสต์ศตวรรษที่ 11
รุ่งอรุณของการสร้างสรรค์ศิลปะเริ่มฉายแสงขึ้น
แต่ก็ยังคงเป็นไปในสาระของศาสนา
และสร้างศิลปะในลักษณะที่ยังมิได้แยกให้เห็นความเป็นศิลปิน
ของแต่ละบุคคล
ต่อมาผลงานจิตรกรรมจึงค่อยๆแสดงอิสรภาพและแสดงออก
ซึ่งความเป็นปัจเจกของศิลปินแต่ละคนมากขึ้น
.
ในคริสต์ศตวรรษถัดมา ประชาชนคืนชีวิตกลับสู่เมืองมากขึ้น
ศิลปะงานฝีมือ และสินค้า
ได้มีบทบาทและยกฐานะชนชั้นกลางให้มีความสำคัญมากขึ้น
ศิลปินเข้าไปมีบทบาทอยู่ในสำนักช่าง
และมิได้สร้างงานศิลปะแต่เพียงภายในโบสถ์
และภายใต้คำบงการของสถาปนิกเท่านั้น
แต่กลับสร้างสรรค์งานอยู่ในห้องทำงานของตน
ศิลปินผู้เป็นเจ้าของทั้งวัสดุอุปกรณ์และเวลาในการทำงานของตนเอง
เขาพร้อมที่จะจินตนาการและทำงานอย่างไรก็ได้ตามใจปรารถนา

4/23/2552

แอ็บสแตรคเอ็กซ์เพรสชันนิสม์ : ลัทธิสำแดงพลังอารมณ์แนวนามธรรม

แอ็บสแตรคเอ็กซ์เพรสชันนิสม์
ลัทธิสำแดงพลังอารมณ์แนวนามธรรม
.
.
แอ็บสแตรคเอ็กซ์เพรสชันนิสม์:ลัทธิสำแดงพลังอารมณ์แนวนามธรรม (Abstract Expressionism)
เป็นศิลปะในช่วงระหว่าง: กลางคริสต์ทศวรรษ 1940-ทศวรรษ 1950
คำว่า แอ็บสแตรค เอ็กซ์เพรสชันนิสม์
มีที่มาจากการพยายามอธิบายงานจิตรกรรมนามธรรม
ของ วาสสิลี่ คานดินสกี้ (Wassily Kandinsky) ในระหว่างปี 1920
ต่อมาคำๆนี้ไปปรากฏในข้อเขียนสำหรับอธิบายงานจิตรกรรมร่วมสมัย
ที่เขียนโดย โรเบิร์ต โคเตส (Robert Coates)
ในนิตยสาร “นิวยอร์คเกอร์” (New Yorker) ฉบับวันที่ 30 มีนาคม 1946
.
.
นักวิจารณ์ผู้ทรงอิทธิพลที่สนับสนุนศิลปะแบบ แอ็บสแตรค เอ็กซ์เพรสชันนิสม์
คือ ฮาโรลด์ โรเซนเบิร์ก (Harold Rosenberg) และ คลีเมนท์ กรีนเบิร์ก (Clement Greenberg)
เคยให้ศัพท์อื่นๆ เอาไว้ เรียกงานในแนวเดียวกันนี้ว่า
แอ็คชัน เพนติ้ง (Action painting)
และ อเมริกัน สไตล์ เพนติ้ง (American-style painting)
แต่ในที่สุดคำว่า แอ็บสแตรค เอ็กซ์เพรสชันนิสม์
ก็เป็นคำที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในอเมริกา
.
.
ส่วนในยุโรปจะมีการใช้คำว่า อาร์ต อินฟอร์เมล (Art Informel)
แอ็บสแตรค เอ็กซ์เพรสชันนิสม์ เป็นกระแสศิลปะแรกในอเมริกา
ที่เกิดจากเหล่าศิลปินชาวยุโรปที่อพยพมาสหรัฐอเมริกา
พวกเขาเหล่านี้หนีภัยเผด็จการของพวกนาซีจากเยอรมนี
แอ็บสแตรค เอ็กซ์เพรสชันนิสม์ คือ...
ผลจากการสังเคราะห์ศิลปะหลากหลายรูปแบบ
ตั้งแต่งานแนว เอ็กซ์เพรสชั่นนิสม์ (Expressionism)
โดย วินเซนต์ แวนโก๊ะ (Vincent van Gogh)
งานนามธรรมโดย คานดินสกี้
งานที่เน้นสีสันในพื้นที่ใหญ่ๆ ของ อองรี มาติสส์ (Henri Matisse)
ไปจนถึงงานที่เป็นรูปทรงอิสระแบบธรรมชาติ “ออแกนิค” (organic)
และงานจากจิตไร้สำนึกของพวก เซอร์เรียลลิสม์ อย่าง โจน มิโร (Joan Miro)
มีเพียงงานแนวเรขาคณิตและแนวเหมือนจริงเท่านั้น
ที่ไม่ได้ถูกรวมเข้าไปในรูปแบบอันหลากหลาย
ของแอ็บสแตรค เอ็กซ์เพรสชันนิสม์
.
.
สำหรับ แอ็บสแตรค เอ็กซ์เพรสชันนิสม์ แล้ว
พวกเขามีส่วนร่วมกันในเรื่องของ “ทัศนคติ”
มากกว่าจะเหมือนในเรื่องของ “รูปแบบ”
ตัวอย่างเช่น ผลงานที่เกิดจากการหยอด การหยดสี
ของ แจ็คสัน พอลล็อค (Jackson Pollock)
มีอะไรที่คล้ายกับพื้นสีอันกว้างใหญ่
ของ มาร์ค รอธโก (Mark Rothko) น้อยมาก
แต่ที่แน่ๆ พวกศิลปินกลุ่มนี้จะคล้ายกันในเรื่อง
การแสดงออกทางอารมณ์และกายภาพ
วิธีคิด วิธีทำงานและแนวงานแบบนี้
ตรงกันข้ามกันอย่างมากกับแนวงาน โซเชียล เรียลลิสม์ (Social Realism)
ที่ทำกันแพร่หลายในทศวรรษ 1930
แนวงานแบบ แอ็บสแตรค เอ็กซ์เพรสชันนิสม์
คืออีกตัวอย่างอันสุดขั้วของแนวคิดแบบสมัยใหม่ (modernist)
ที่เน้นความเป็นต้นแบบต้นฉบับ
ความเป็นปัจเจกเฉพาะตัวของศิลปิน
การทำงาน (เขียนภาพ) โดยแทบจะไม่อ้างอิงถึงสรรพสิ่งใดๆในโลก
แต่จะมุ่งไปที่การแสดงออกทางอารมณ์ความรู้สึกที่สดฉับพลัน
ผ่านสีสันและฝีแปรง...เท่านั้น
เสน่ห์ของงานศิลปะที่นำมาฝากกัน คงช่วยให้คุณๆ หลงรักงานศิลปะมากขึ้นแล้ว..หรือเปล่า?

4/22/2552

วันคุ้มครองโลก (Earth Day)


วันคุ้มครองโลก (Earth Day)
ถือเป็นวันสำคัญของขบวนอนุรักษ์ธรรมชาติทั่วโลก
ตรงกับวันที่ 22 เมษายน ของทุกปี
วันคุ้มครองโลกถือกำเนิดในสหรัฐอเมริกาเมื่อ 27 ปีก่อน
ในวันที่ 22 เมษายน 2513 นักอนุรักษ์ธรรมชาติกลุ่มหนึ่งได้จัดให้มีการแสดงพลังครั้งใหญ่
เพื่อปลุกเร้าจิตสำนึกเกี่ยวกับปัญหาสิ่งแวดล้อม ซึ่งนับวันยิ่งถูกมนุษย์ทำลาย
ในการแสดงพลังครั้งนั้นมีผู้เข้าร่วมกว่า 20 ล้านคนและปรากฏขึ้นตามเมืองใหญ่ ๆ เกือบทั้งสหรัฐ
หลังจากนั้นความห่วงใยปัญหาสภาพแวดล้อมของสหรัฐก็เพิ่มพูนขึ้น
มีการออกกฎหมายควบคุมการกระทำที่สร้างความเสียหายให้กับธรรมชาติ
สำหรับประเทศไทยเริ่มพูดถึงวันคุ้มครองโลกครั้งแรก เมื่อปี 2533
ถือเป็นการเริ่มต้นของสังคมไทยยุคเพื่อสิ่งแวดล้อม
โดยเฉพาะหลังจากสืบ นาคะเสถียร หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งกระทำอัตวินิบาตกรรม
และเมื่ออาจารย์และนักศึกษาร่วมกัน 16 สถาบันได้จัดงานวันคุ้มครองโลกขึ้น
เพื่อรณรงค์ให้คนไทยเห็นความสำคัญของป่าอนุรักษ์
และตระหนักถึงวิกฤตการทำลายสัตว์ป่าและป่าไม้ประเทศไทย
ยังมีการจัดงานเพื่อหาทุนเข้ามูลนิธิสืบนาคะเสถียร
เพื่อใช้ในการปกป้องรักษาผืนป่า ที่เป็นมรดกของโลกอีกด้วย

แบ่งบุญ

อาจารย์บ้านนอก.คอม
ขอรับการแบ่งปันน้ำใจจากทุกท่าน
ระดมชุดนักเรียนมือสอง 1,000 ชุด
ลองช่วยกันเปิดตู้เสื้อผ้าที่บ้านดูว่า
มีชุดนักเรียนที่ไม่ใส่แล้ว ถูกพับเก็บไว้บ้างหรือไม่
ไม่ต้องลังเลใจ หากมันจะเปื้อน หรือออกสีเหลืองนิด ๆ
เพียงแค่ไม่ให้มีกลิ่น พับใส่กล่องพัสดุ
ส่งไปบริจาคให้กับเด็กในชนบท เพราะทุกเปิดเทอม
เด็กบางคนไม่ได้ไปโรงเรียน เพียงแค่พ่อแม่ไม่มีเงิน
สำหรับเป็นค่าใช้จ่าย อุปกรณ์การเรียนการสอนพื้นฐานเหล่านี้
ชุดนักเรียนชาย หรือหญิง
โดยเฉพาะชุดลูกเสือ เนตรนารี ( ไม่มีปัญหาเรื่องชื่อ รร.ที่ปักอยู่)
รองเท้า เข็มขัด หมวก ผ้าพันคอ เชือกลูกเสือ กระเป๋า
ล้วนเป็นประโยชน์ต่อเด็กในชนบท
โดยส่งมาได้ที่ กลุ่มศิลปวัฒนธรรมกระจกเงา
106 ม. 1 ต.แม่ยาว อ.เมือง จ.เชียงราย 57100
( กรุณาเขียนติดที่กล่องด้วยว่าชุดนักเรียนบริจาค
และพร้อมชื่อที่ติดต่อของผู้ส่ง ถ้ามี e-mail ด้วยจะดีมากค่ะ)
รบกวนส่ง e-mail ฉบับนี้ถึงเพื่อนของคุณ
ที่จะอาจจะมีส่วนร่วมในโครงการนี้ได้
หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
สมบัติ บุญงามอนง
mailto:superbuff@bannok.com
ส่งต่อกันเยอะๆนะค่ะ

4/19/2552

ศิลปะสมัยใหม่

ศิลปะสมัยใหม่

วันนี้เจอภาพศิลปะสวยๆ น่าสนใจ จึงเอามาฝาก
เป็นภาพศิลปะ ที่มีเสน่ห์อีกชนิดหนึ่งที่ดิฉันชอบและสนใจมาก
ได้แก่ "ศิลปะสมัยใหม่"
ซึ่งศิลปะสมัยใหม่ เป็นศิลปะตั้งแต่ กลาง พ.ศ.2300 เป็นต้นมา
เป็นงานที่มีลักษณะเป็นสากล และเป็นแบบอย่างของแต่ละคน
มากว่าที่จะเป็นแบบอย่างศิลปะแห่งแคว้น
ซึ่งเป็น แบบที่มีความแตกต่างกันจนยากที่จะกล่าวอย่างผิวเผินได้
ศิลปะสมัยใหม่ นิยมใช้วัสดุและเทคนิคใหม่ๆ
รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงโลกทัศน์อย่างรวดเร็ว
พร้อมทั้งผลผลิตของเครื่องจักรกล ได้สะท้อนไปสู่งานศิลปะ
ทำให้รูปแบบของศิลปะมีความหลายหลายมากยิ่งขึ้น

ในขณะเดียวกัน ความรู้ทางด้านจิตวิทยาและวิชาฟิสิกส์
ได้จัดแจงรูปแบบความคิดของศิลปินที่มีต่อมนุษย์ และโลกทางกายภาพขึ้นใหม่
อย่างไรก็ตามปรากฏการณ์ต่างๆเหล่านี้ไม่สามารถที่จะอธิบายให้เข้าใจอย่างง่ายๆได้

แม้ว่าแนวโน้มศิลปะหลายๆ แบบในสมัยพุทธศตวรรษที่ 25
จะได้พยายามลดคุณค่าแบบอย่างศิลปะส่วนตนไปบ้าง
แต่แนวโน้มที่แพร่หลายไปนี้ ก็เน้นหนักที่ความคิดริเริ่มเป็นสำคัญ

ลักษณะ สำคัญของงานศิลปะสมัยใหม่
จึงเป็นปฏิกิริยาที่ศิลปินแต่ละคนแสดงออกต่อโลกรอบตัว
การค้นหาอาณาจักรความฝันเฟื่องของแต่ละคน
ารสร้างโลกทัศน์ใหม่ ของตัวเองจากวัสดุ
และเทคนิควิธีการที่แปลกใหม่ ไปจากเดิม
เหล่านี้เป็นลักษณะ สำคัญของงานจิตรกรรม
ประติมากรรมแห่งพุทธศตวรรษที่ 25
แต่ในขณะเดียวกัน ก็ยังมีความสนใจในศิลปะวัฒนธรรมแบบดั้งเดิม
และได้รับอิทธิพลจากศิลปะใน แบบดั้งเดิมอีกด้วย



สรุปแล้ว งานศิลปะสมัยใหม่ เป็นรูปแบบเฉพาะของศิลปินแต่ละคน
เน้นความ เป็นตัวของตัวเองของศิลปินแต่ละกลุ่มซึ่งมีมากมายหลายกลุ่ม
แต่ละกลุ่มก็มีแนวคิด เทคนิค วิธีการที่แตกต่างกันออกไปอย่างหลากหลาย
บ้างก็สะท้อนสภาพสังคม บ้างก็แสดงมุมมองบางอย่างที่แตกต่างออกไป
บ้างก็แสดงภาวะทางจิตของศิลปิน และกลุ่มชน
บ้างก็แสดงความประทับใจในความงามตามธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ซึ่งได้มีการนำเอาวัสดุอุปกรณ์แบบใหม่ ๆ
รวมถึงเครื่องจักรกลเข้ามาใช้ในการสร้าง สรรค์งานมากขึ้น


การบริโภค หรือการสนับสนุนงานศิลปะ
ม่จำกัดอยู่ที่ชนชั้นสูง ขุนนาง หรือผู้ร่ำรวยเท่านั้น
แต่ยังตอบสนองต่อประชาชนทั่วไปอีกด้วย
ไม่เพียงแต่ รูปแบบที่หลากหลายทางศิลปะเท่านั้นที่เกิดขึ้น
รูปแบบศิลปะสมัยดั้งเดิมก็ยังได้รับความนิยม และสืบทอดต่อกันมาจนถึงสมัยปัจจุบันด้วย

ข้อคิดดีดีจาก "ปู่เย็น"


4/18/2552

บางเรื่องที่เราไม่รู้

บางที อาจจะมีอะไรบางอย่างที่เราไม่รู้ เช่น

โคคาโคลา เดิมมีสีเขียว

ชื่อที่มีคนใช้มากที่สุดในโลก คือ โมฮัมมัด

ชื่อของทุกทวีปมีตัวอักษรภาษาอังกฤษตัวแรกกับตัวสุดท้ายเป็นตัวเดียวกัน

กล้ามเนื้อที่แข็งแรงที่สุดในร่างกายของเราคือลิ้น

ชาวอเมริกันมีเครดิตการ์ดโดยเฉลี่ยคนละ 2 ใบ

คำว่า TYPEWRITER เป็นคำที่ยาวที่สุดที่พิมพ์โดยใช้แป้นพิมพ์แถวเดียวกัน

ผู้หญิงกะพริบตาประมาณ 2 เท่าของผู้ชาย

คุณไม่สามารถฆ่าตัวตายโดยการกลั้นลมหายใจ

คุณไม่สามารถเลียข้อศอกตัวเองได้

ผู้คนจะอวยพรกันว่า 'Bless you' เมื่อเกิดการจาม เนื่องจากการจามแต่ละครั้ง
จะทำให้หัวใจหยุดเต้นประมาณ 1 มิลลิวินาที

ด้วยสรีระของหมู ทำให้มันไม่สามารถมองท้องฟ้าได้

ประโยค 'sixth sick sheik's sixth sheep's sick' ถือว่า
เป็นประโยคที่ทำให้ลิ้นพันกันมากที่สุด ในภาษาอังกฤษ

ถ้าจามแรงมากเกินไป อาจทำให้คุณซี่โครงหักได้ แต่ถ้าคุณกลั้นการจามไว้
จะทำให้หลอดเลือด ที่ศีรษะหรือคอโป่งออกจนเสียชีวิตได้

ตัวคิงบนหน้าไพ่เป็นตัวแทนกษัตริย์ในประวัติศาสตร์ ได้แก่ คิงโพดำ คือกษัตริย์เดวิด
คิงดอกจิก คือกษัตริย์อเล็กซานเดอร์หาราช คิงโพแดง คือกษัตริย์ชาลีมาน
คิงข้าวหลามตัด คือ กษัตริย์จูเลียส ซีซาร์

ผลคูณ 111,111,111 x 111,111,111 = 12,345,678,987,654,321

ถ้ารูปปั้นในสวนสาธารณะเป็นรูปคนขี่ม้าที่ยกสองขาหน้าขึ้นบนอากาศ
แสดงว่าคนนั้นเสียชีวิตในสงคราม แต่ถ้าม้ายกขาหน้าขึ้นข้างเดียว
คนนั้นเสียชีวิตจากการบาดเจ็บในสงคราม และถ้าม้ายืนอยู่บนขาทั้งสี่
คนผู้นั้นเสียชีวิตเองตามธรรมชาติ

อุปกรณ์ที่ใช้กันทั่วไป อย่างเสื้อกันกระสุน บันไดหนีไฟ ที่ปัดน้ำฝน
และเครื่องพิมพ์เลเซอร์ ประดิษฐ์ขึ้นโดยสุภาพสตรี

คำถาม อาหารอย่างเดียวที่ไม่เคยเสีย คืออะไร คำตอบ - น้ำผึ้ง

จรเข้ไม่สามารถแลบลิ้นออกมาจากปากได้

ทากสามารถจำศีลได้นาน 3 ปี

หมีขั้วโลกทุกตัวถนัดซ้าย

สายการบินอเมริกันแอร์ไลน์สามารถประหยัดเงินไปได้ 40,000 เหรียญ
จากการตัดมะกอก 1 ลูก ออกจากเมนูสลัดที่เสิร์ฟในที่นั่งชั้นหนึ่ง

ผีเสื้อชิมรสอาหารด้วยตีนของมัน

ช้างเป็นสัตว์ชนิดเดียวที่ไม่สามารถกระโดดได้

เป็นเวลา 4000 ปีมาแล้ว ที่คนเราไม่มีสัตว์เลี้ยงชนิดใหม่เพิ่มขึ้นมา

โดยทั่วไป คนจะกลัวแมงมุมเกินกว่าความน่ากลัวของมัน

เชคสเปียร์ เป็นผู้สร้างคำว่า 'assassination' และ 'bump'
.
Stewardesses เป็นคำที่ยาวที่สุด ที่พิมพ์สัมผัสโดยใช้แต่มือซ้าย

ถ้าไม่ถูกยาฆ่าแมลง มดจะตกลงพื้นโดยลงทางด้านขวา

เก้าอี้ไฟฟ้าประดิษฐ์ขึ้นโดยทันตแพทย์

การบีบตัวของหัวใจของคน สามารถทำให้เกิดความดันเพื่อขับเลือดไปทั่วร่างกาย
แรงดันนี้สามารถทำให้เลือดให้พุ่งไปได้ไกล 30 ฟุต

หนูขยายพันธุ์ได้อย่างรวดเร็ว ในเวลา 18 เดือน หนู 2 ตัว
สามารถทำให้เกิดลูกหลานได้มากกว่า 1 ล้านตัว

การสวมหูฟังเพียง 1 ชั่วโมง
จะทำให้จำนวนแบคทีเรียในหูเพิ่มขึ้น 700 เท่า --- หวายยยยยย เหอๆ

ไฟแช็คประดิษฐ์ขึ้นก่อนหน้าไม้ขีดไฟ

ลิปสติกส่วนใหญ่จะมีส่วนผสมของเกล็ดปลา

นอกจากลายพิมพ์นิ้วมือแล้ว ลายพิมพ์ลิ้นของแต่ละคนก็แตกต่างกัน

สุดท้าย 99% ของคนที่อ่านเรื่องนี้ จะพยายามเลียข้อศอกตัวเอง----- เหอๆ

vdo mixone

4/16/2552

เสน่ห์ดอกไม้ริมทาง

"แอบรัก"
แทบคิดไม่ถึงเลยใช่มั๊ยคะว่า จะมีต้นไม้ชื่อ น่ารักๆแบบนี้..."แอบรัก" เป็นดอกไม้โชว์ดอกสวยงามอยู่ 2 ข้างทางที่เอามานำเสนอในวันนี้ค่ะ จากวันก่อน...ได้มีโอกาสขับรถเล่นอีกแล้ว...ตื่นเช้ามาก็เตรียมน้ำหอมๆ โรยดอกมะลิ กลีบกุหลาบ เพื่อสร้างสีสันให้ดูดีมีชาติตระกูลและพวงมาลัยดอกไม้พวงโตๆ ไปรดน้ำดำหัวญาติผู้ใหญ่ที่เคารพ ในเทศกาลสงกรานต์ ขณะขับรถไปเรื่อยๆนั้น สายตาก็ได้พบกับต้นไม้ ที่ออกดอกแปลกๆต้นหนึ่ง แถวๆริมทาง ที่ขับรถผ่าน ลักษณะการออกดอก ออกตามลำต้นค่ะ ดอกสวย แปลกตา แต่ดิฉันก็ไม่รู้จักอีกชื่อตามเคย ก็เลยแวะถ่ายภาพเอามาฝากค่ะ...
ผลจากการสืบค้น “แอบรัก” เป็นไม้พุ่ม ลำต้นดูแล้วเหมือนจะคล้ายๆไม้ยืนต้น แต่จริงๆแล้วเค้าสูงได้แค่ประมาณ 2-3 เมตรเท่านั้น เป็นต้นไม้สัญญาชาติ บราซิล การเลี้ยงดูก็ไม่เรื่องมากเลยควรปลูกให้ได้รับแสงแดดเช้าครึ่งวันหรือแดดรำไร จะเหมาะสมที่สุด แต่ถ้าต้นแข็งแรงดีแล้ว ก็สามารถนำออกแดดเต็มวันได้ ต้นเค้าจะแข็งแรงมากๆ เพียงแค่ช่วงบ่ายๆ เค้าอาจจะใบสลดลงไปบ้าง ดินที่ปลูกควรเป็นดินร่วนที่ระบายน้ำได้ดี ชอบน้ำ ถ้าขาดน้ำ จะออกอาการใบสลดให้เห็นทันที สามารถให้ปุ๋ยได้ทั้งปุ๋ยเคมีและอินทรีย์ การขยายพันธุ์ ใช้วิธีปักชำจะเป็นวิธีที่ทำได้ง่ายและสะดวกที่สุด ดอกของ “แอบรัก” จะออกตามต้น เมื่อดอกยังเล็กๆ จะมีสีชมพู เมื่อดอกเริ่มใหญ่ขึ้นสีของก็จะเริ่มแดงขึ้น สังเกตจะเห็นว่าดอกของเค้าจะออกมาที่เดิมเรื่อยๆค่ะ

4/15/2552

ความรักของแม่

ความรักของแม่

เมื่อเห็นลูปประสบอุบัติเหตุ

ถึงแม้ว่าจะเสี่ยงอันตราย แม่ก็ยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยลูกรัก

ใครก็ตาม ที่จะทำทำร้ายลูก...ข้ามศพแม่ไปก่อน...

เอาชีวิตเข้าแลก เพื่อให้ลูกรักปลอดภัย

ภาพ : วินาทีชีวิต...กับความรักของแม่....

ไม่ว่าจะเป็นคนหรือสัตว์...ก็ล้วนแต่มีความรักทั้งสิ้น..
และความรักของแม่เป็นความรักที่ยิ่งใหญ่เสมอ...